ประวัติและความเป็นมา
ปราชญ์ท้องถิ่น ครูภูมิปัญญาและนักการศึกษาหลายท่านที่ศึกษาวิจัยเรื่องราวของผีตาโขนในแง่มุมต่างๆ ล้วนมีข้อสรุปตรงกันว่าประเพณีผีตาโขน เป็นการละเล่นที่เกี่ยวเนื่องกับพิธีกรรม เพื่อบวงสรวงบูชาติดต่อกับผู้ชมดูการละเล่น คือ วิญญาณผีบรรพชน ที่กลุ่มชนชาติพันธุ์ไท-ลาว เชื่อถือร่วมกันว่าบรรพชน คือ ต้นตระกูลเผ่าพันธุ์ผู้ที่สร้างบ้านแปงเมือง บรรพชนเมื่อตายเป็นผี จึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่น่าเกรงขาม มีอำนาจที่จะดลบันดาลให้ความอุดมสมบูรณ์ หรือความหายนะแก่บ้านเมืองได้ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ เพื่อความอุดมสมบูรณ์พูนสุขของบ้านเมือง เมื่อถึงงานบุญประเพณีสำคัญ ๆ ตามฮีตประเพณี จึงจะต้องทำการละเล่นเต้นฟ้อนผีตาโขนเพื่อเซ่นสรวงบูชาให้เป็นที่ ถูกอกถูกใจแก่ผีบรรพชน การละเล่นผีตาโขนจึงเป็นการละเล่นที่มีมาแต่โบราณ และผ่านการ สืบทอดทางพิธีกรรมเป็นสายยาวจากรุ่นต่อรุ่นมาจนถึงปัจจุบัน ผีตาโขนจึงเป็นการละเล่นส่วนหนึ่งในงานบุญหลวงของอำเภอด่านซ้าย หรือเมืองด่านซ้ายในอดีต นับเป็นการละเล่นที่นำพาให้เกิดความสนุกสนานและความบันเทิงเป็นหลัก เช่นกันกับการเล่นทอดแห ขายยา และทั่งบั้ง อันเป็นสีสันแห่งการเฉลิมฉลองในงานบุญหลวงและโดยเฉพาะในพิธีอันเชิญพระเวสสันดร และนางมัทรีเข้าเมือง ตามฮีตเดือนสี่ (บุญเผวส) ของชาวอีสาน ซึ่งชาวด่านซ้าย
พัฒนาการของผีตาโขน
ยุคดั้งเดิม (ก่อนปี พ.ศ.2500) สืบเนื่องมาจากการละเล่น ปู่เยอย่าเยอ ความเชื่อที่ผสมผสานระหว่างพุทธ พราหมณ์ ผี ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก อาณาจักรล้านช้างโบราณ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพวิถีชุมชน ในด้านเศรษฐกิจ การเมือง การปกครองของชาวด่านซ้ายเอง
ยุคแสวงหา (ระหว่างปีพ.ศ.2500-2530) ซึ่งพัฒนาการของงานประเพณีผีตาโขนในยุคนี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การเข้ามามีส่วนบริหารงานประเพณีของทางราชการ ตลอดจนแนวคิดของคนรุ่นใหม่ และกระแสตอบรับการท่องเที่ยว ได้ทำให้เกิดการช่วงชิงและขัดแย้งทางความคิด ในการที่จะกำหนดทิศทางพัฒนาการละเล่นผีตาโขน โดยมีแนวความคิด แยกออกเป็น 3 ทิศทางคือ ฝ่ายที่ต้องการให้เป็นไปแบบดั้งเดิม ฝ่ายต้องการรูปแบบใหม่เพื่อผลทางเศรษฐกิจ และฝ่ายที่ต้องการผสมผสาน แต่ในที่สุดแนวคิดทั้งหมดก็สามารถตกผลึกเกิดเป็นประเพณีผีตาโขนยุคนี้ และจากแรงหนุนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผ่านสื่อมวลชนทุกแขนง จากการนำการละเล่นผีตาโขนออกไปแสดงเผยแพร่ยังทุกหนทุกแห่งเพื่อการประชาสัมพันธ์ ทำให้ประเพณีผีตาโขนอำเภอด่านซ้าย มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ และเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั่วไป เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยว
องค์ประกอบของผีตาโขน
ผีตาโขนใหญ่ ทำเป็นหุ่นรูปผีทำจากไม้ไผ่สานมีขนาดใหญ่กว่าคนธรรมดาประมาณ 2 เท่า ประดับตกแต่งรูปร่างหน้าตาด้วยเศษวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น เวลาแห่ คนเล่นจะต้องเข้าไปอยู่ข้างในตัวหุ่น แต่ละปีจะทำผีตาโขนใหญ่เพียง 2 ตัวผีตาโขนชาย1ตัว หญิง1ตัว สังเกตจากเครื่องเพศปรากฏชัดเจนที่ตัวหุ่น ผู้มีหน้าที่ทำผีตาโขนใหญ่จะมีเฉพาะกลุ่มเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์ทำต้องได้รับอนุญาตจากผีหรือเจ้าก่อนซึ่งต้องทำทุกปีหรือทำติดต่อกันอย่างน้อยเป็นเวลา3ปี
ผีตาโขนเล็ก ทุกคนไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่ หญิงหรือชาย มีสิทธิ์ทำและเข้าร่วมสนุกได้ทุกคน แต่ผู้หญิงไม่ค่อยเข้าร่วมเพราะเป็นการเล่นค่อนข้างผาดโผนและซุกซน
ความสำคัญ
ผีตาโขนเป็นประเพณีการละเล่นพื้นบ้านที่แสดงออกถึงศิลปวัฒนธรรมอันดีงาม และ
ความภาคภูมิใจของชาวอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ซึ่งได้ยึดถือสืบทอดต่อกันมา
เทศกาลงานบุญผีตาโขนเป็นส่วนหนึ่งของ “งานบุญหลวง” ซึ่งถือเป็นงานบุญใหญ่
ประจำปีของท้องถิ่น โดยรวม "งานบุญพระเวส” (ฮีตเดือนสี่) และ "งานบุญบั้งไฟ”
(ฮีตเดือนหก) เข้าไว้เป็นงานบุญเดียวกัน
ในงานบุญหลวงนี้จะมี “ผีตาโขน” ออก
วาดลวดลายทั่วเมืองด่านซ้าย ร่วมสร้าง
ความสนุกสนานไปในขบวนแห่หน้ากากผีตาโขนทำจากหวดนึ่งข้าวเหนียว
แกนก้านมะพร้าว และวาดลายเพิ่มสีสันให้
หน้าตาโหดร้ายน่ากลัว
ความภาคภูมิใจของชาวอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ซึ่งได้ยึดถือสืบทอดต่อกันมา
เทศกาลงานบุญผีตาโขนเป็นส่วนหนึ่งของ “งานบุญหลวง” ซึ่งถือเป็นงานบุญใหญ่
ประจำปีของท้องถิ่น โดยรวม "งานบุญพระเวส” (ฮีตเดือนสี่) และ "งานบุญบั้งไฟ”
(ฮีตเดือนหก) เข้าไว้เป็นงานบุญเดียวกัน
ในงานบุญหลวงนี้จะมี “ผีตาโขน” ออก
วาดลวดลายทั่วเมืองด่านซ้าย ร่วมสร้าง
ความสนุกสนานไปในขบวนแห่หน้ากากผีตาโขนทำจากหวดนึ่งข้าวเหนียว
แกนก้านมะพร้าว และวาดลายเพิ่มสีสันให้
หน้าตาโหดร้ายน่ากลัว
ด้านความงดงามทางศิลปวัฒนธรรม
“บุญหลวง”(บุญพระเวส) เริ่มด้วยพิธีเซ่นไหว้ และเลี้ยงดวงวิญญาณ ที่หอหลวง และหอน้อย โดยพิธีที่หอน้อยจะกระทำในวันที่ต่อจากหอหลวง ผู้กระทำคือ เจ้าพ่อกวน เจ้าแม่นางเทียม แสน และนางแต่ง
“เจ้าพ่อกวน” คือผู้มีหน้าที่เข้าทรง กระทำหน้าที่เซ่นไหว้ประจำปี เลือกโดยวิญญาณพระเสื้อเมือง มาเข้าทรงผู้นั้น ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ฝ่ายชาย ไว้ผมยาว มีผ้าขาวม้าคาดศีรษะอยู่เสมอ นุ่งโจงกระเบน เสื้อขาว เป็นหัวหน้าในการทำพิธีสมโภชน์ และงานนมัสการพระธาตุศรีสองรัก ทุกปี และยังมี “เจ้าแม่นางเทียม”เป็นหญิง เลือกโดยพระเสื้อเมืองเข้าทรง มีหน้าที่เข้าทรงเหมือนเจ้าพ่อกวน ไว้ผมยาว เกล้าบนกระหม่อมเสมอ นุ่งผ้าถุง เสื้อขาว พร้อมกับผู้เข้าเฝ้าและคอยปฏิบัติฝ่ายชาย เรียกว่าแสน ผู้เข้าเฝ้าและคอยปฏิบัติฝ่ายหญิง เรียกว่า นางแต่ง ขั้นพิธีบุญหลวง เริ่มต้นด้วยการทำพิธีเบิกพระอุปคุต โดยแสน และ ประชาชนช่วยกันจัดทำหอพระอุปคุต นำอุปกรณ์ที่เตรียมไว้มี ดาบ มีด หอก ฉัตร ถือเดินนำขบวนไปที่ริมฝั่ง แม่น้ำหมัน ที่ไหลผ่านตัวอำเภอด่านซ้าย อยู่ใกล้กับวัดโพนชัย เพื่อเชิญ พระอุปคุต (ก็คือหินก้อนกรวดสีขาว) ในแม่น้ำก็นำใส่หาบเคลื่อนขบวนกลับมาทำพิธีที่หออุปคุต โดยพ่อแสนแก้ว เป็นผู้ที่ทำพิธีว่าคาถา ไปจนเสร็จพิธีทั้งสี่ทิศ โดยยิงปืนขึ้นแทรก เมื่อเสร็จทิศละ 1 นัด แล้วแห่รอบโบสถ์ 3 รอบ ทำพิธีในโบสถ์ แล้วจากนั้นนำขบวนไปบ้านเจ้าพ่อกวน เพื่อบายศรีสู่ขวัญให้แก่เจ้าพ่อกวน และเจ้าแม่นางเทียม จากนั้นก็เคลื่อนขบวนไปตามถนนสายต่าง ๆ ไปยังวัดโพนชัย เวียนรอบอุโบสถ 3 รอบ พร้อมกับผู้เฒ่าผู้แก่เดินฟ้อนรำไปรอบโบสถ์ มีผีตาโขนใหญ่ร่วมขบวนพิธีด้วย
ต่อจากนั้นจะมีกลุ่มผีตาโขนมาร่วมชุมนุมที่วัดมากขึ้นร่วมขบวนไปเที่ยวหลอกล้อคนเล่นไป ประชาชนอื่นก็จะเข้าร่วมด้วย เล่นถั่งบั้ง(คนป่ากระทุ้งพลอง) เล่นควายตู้ (การไถนา) เป็นที่สนุกสนานตลอดวัน
ถึงเวลาช่วงบ่ายที่ที่สนามโรงเรียนด่านซ้าย จะมีการจัดแสดงละเล่นผีตาโขนจากกลุ่มบ้านต่างๆ ตำบลต่างๆ หรือกลุ่มโรงเรียน จึงทำให้มีบรรยากาศหลากสีสัน ด้วยการแต่งกายชุด ผีตาโขน พร้อมกับเสียงกระดิ่งที่ห้อยเอวด้านหลัง พร้อมกับจังหวะการก้าวเดินต้องมีการกระดกก้น ขย่มตัว ส่ายสะโพก โขยกขา ขยับเอว ให้กระดิ่งมีเสียงตามจังหวะเดินด้วย
ผีตาโขนทุกตัว จะสวมหน้ากาก ทำด้วยหวดนึ่งข้าวเหนียว ที่สานด้วยไม้ไผ่ หักพับขึ้นทำเป็นหมวก นำมาเย็บต่อกับส่วนโคนของก้านมะพร้าว ถากเป็นรูปหน้ากากผี แล้วตกแต่งเขียนด้วยสีน้ำมัน ในสมัยก่อน ที่ยังไม่มีสีน้ำมัน ก็จะเขียนด้วยปูนขาว กับดินหม้อ ซึ่งจะเจาะช่องตา แล้วต่อจมูกยาวเหมือนงวงช้าง เอาเศษผ้าที่ไม่ใช้มาเย็บติดกันเป็นผืนใหญ่ ห่มคลุมร่างผู้ที่แต่งเป็นผีตาโขน ผีทุกตัวจะถืออาวุธดาบไม้ในมือ หรือเอาไม้มาทำเป็นลักษณะคล้ายอวัยวะเพศชาย ทาสีแดง ซึ่งจะเป็นลักษณะเฉพาะของผีตาโขนโดยแท้ อย่าไปคิดเป็นเรื่องทะลึ่งลามกอนาจารแต่อย่างใด
“บุญหลวง”(บุญพระเวส) เริ่มด้วยพิธีเซ่นไหว้ และเลี้ยงดวงวิญญาณ ที่หอหลวง และหอน้อย โดยพิธีที่หอน้อยจะกระทำในวันที่ต่อจากหอหลวง ผู้กระทำคือ เจ้าพ่อกวน เจ้าแม่นางเทียม แสน และนางแต่ง
“เจ้าพ่อกวน” คือผู้มีหน้าที่เข้าทรง กระทำหน้าที่เซ่นไหว้ประจำปี เลือกโดยวิญญาณพระเสื้อเมือง มาเข้าทรงผู้นั้น ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ฝ่ายชาย ไว้ผมยาว มีผ้าขาวม้าคาดศีรษะอยู่เสมอ นุ่งโจงกระเบน เสื้อขาว เป็นหัวหน้าในการทำพิธีสมโภชน์ และงานนมัสการพระธาตุศรีสองรัก ทุกปี และยังมี “เจ้าแม่นางเทียม”เป็นหญิง เลือกโดยพระเสื้อเมืองเข้าทรง มีหน้าที่เข้าทรงเหมือนเจ้าพ่อกวน ไว้ผมยาว เกล้าบนกระหม่อมเสมอ นุ่งผ้าถุง เสื้อขาว พร้อมกับผู้เข้าเฝ้าและคอยปฏิบัติฝ่ายชาย เรียกว่าแสน ผู้เข้าเฝ้าและคอยปฏิบัติฝ่ายหญิง เรียกว่า นางแต่ง ขั้นพิธีบุญหลวง เริ่มต้นด้วยการทำพิธีเบิกพระอุปคุต โดยแสน และ ประชาชนช่วยกันจัดทำหอพระอุปคุต นำอุปกรณ์ที่เตรียมไว้มี ดาบ มีด หอก ฉัตร ถือเดินนำขบวนไปที่ริมฝั่ง แม่น้ำหมัน ที่ไหลผ่านตัวอำเภอด่านซ้าย อยู่ใกล้กับวัดโพนชัย เพื่อเชิญ พระอุปคุต (ก็คือหินก้อนกรวดสีขาว) ในแม่น้ำก็นำใส่หาบเคลื่อนขบวนกลับมาทำพิธีที่หออุปคุต โดยพ่อแสนแก้ว เป็นผู้ที่ทำพิธีว่าคาถา ไปจนเสร็จพิธีทั้งสี่ทิศ โดยยิงปืนขึ้นแทรก เมื่อเสร็จทิศละ 1 นัด แล้วแห่รอบโบสถ์ 3 รอบ ทำพิธีในโบสถ์ แล้วจากนั้นนำขบวนไปบ้านเจ้าพ่อกวน เพื่อบายศรีสู่ขวัญให้แก่เจ้าพ่อกวน และเจ้าแม่นางเทียม จากนั้นก็เคลื่อนขบวนไปตามถนนสายต่าง ๆ ไปยังวัดโพนชัย เวียนรอบอุโบสถ 3 รอบ พร้อมกับผู้เฒ่าผู้แก่เดินฟ้อนรำไปรอบโบสถ์ มีผีตาโขนใหญ่ร่วมขบวนพิธีด้วย
ต่อจากนั้นจะมีกลุ่มผีตาโขนมาร่วมชุมนุมที่วัดมากขึ้นร่วมขบวนไปเที่ยวหลอกล้อคนเล่นไป ประชาชนอื่นก็จะเข้าร่วมด้วย เล่นถั่งบั้ง(คนป่ากระทุ้งพลอง) เล่นควายตู้ (การไถนา) เป็นที่สนุกสนานตลอดวัน
ถึงเวลาช่วงบ่ายที่ที่สนามโรงเรียนด่านซ้าย จะมีการจัดแสดงละเล่นผีตาโขนจากกลุ่มบ้านต่างๆ ตำบลต่างๆ หรือกลุ่มโรงเรียน จึงทำให้มีบรรยากาศหลากสีสัน ด้วยการแต่งกายชุด ผีตาโขน พร้อมกับเสียงกระดิ่งที่ห้อยเอวด้านหลัง พร้อมกับจังหวะการก้าวเดินต้องมีการกระดกก้น ขย่มตัว ส่ายสะโพก โขยกขา ขยับเอว ให้กระดิ่งมีเสียงตามจังหวะเดินด้วย
ผีตาโขนทุกตัว จะสวมหน้ากาก ทำด้วยหวดนึ่งข้าวเหนียว ที่สานด้วยไม้ไผ่ หักพับขึ้นทำเป็นหมวก นำมาเย็บต่อกับส่วนโคนของก้านมะพร้าว ถากเป็นรูปหน้ากากผี แล้วตกแต่งเขียนด้วยสีน้ำมัน ในสมัยก่อน ที่ยังไม่มีสีน้ำมัน ก็จะเขียนด้วยปูนขาว กับดินหม้อ ซึ่งจะเจาะช่องตา แล้วต่อจมูกยาวเหมือนงวงช้าง เอาเศษผ้าที่ไม่ใช้มาเย็บติดกันเป็นผืนใหญ่ ห่มคลุมร่างผู้ที่แต่งเป็นผีตาโขน ผีทุกตัวจะถืออาวุธดาบไม้ในมือ หรือเอาไม้มาทำเป็นลักษณะคล้ายอวัยวะเพศชาย ทาสีแดง ซึ่งจะเป็นลักษณะเฉพาะของผีตาโขนโดยแท้ อย่าไปคิดเป็นเรื่องทะลึ่งลามกอนาจารแต่อย่างใด
เอกลักษณ์/จุดเด่นผลิตภัณฑ์
เป็นงานศิลปะที่ทำด้วยมือ และนำเอกลักษณ์ความเป็นท้องถิ่น ทั้งงานประเพณีผีตาโขน และสภาพภูมิอากาศที่เย็นสบายและมีความหนาวไปนำเสนอ เหมาะเป็นของที่ระลึก ของฝาก แก่คนทั่วไปและเป็นการส่งเสริมรายได้แก่สมาชิกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่ที่ใช้ความรู้ ในด้านหัตถกรรมการจักสาน เพิ่มพูนรายได้ในครอบครัว
วัตถุดิบและส่วนประกอบ
1. ไม้นุ่น
2. คัตเตอร์
3. พู่กัน
4. สีน้ำ สีน้ำมัน
5. แลกเกอร์
6. กระดาษทราย
ขั้นตอนการผลิต
1. นำไม้นุ่นที่ตากแห้งแล้วมาตัดและเหลาให้ขึ้นรูปผีตาโขนครึ่งตัว (เริ่มจากรูปหัว ตัว และหน้า)
2. ขัดด้วยกระดาษทรายให้เรียบ
3. รองพื้นด้วยสีขาว นำไปผึ่งให้แห้ง (ประมาณ 30 นาที)
4. ระบายสีเป็นรูปหน้ากากผีตาโขน (ตามความถนัด) ถ้าเป็นสีน้ำต้องเคลือบด้วยแลกเกอร์ แต่ถ้าเป็นสีน้ำมันไม่ต้องเคลือบอีก
เทสกาลผีตาโขน
การแต่งกายผีตาโขน
ส่วนหัว หรือที่เรียกว่าหน้ากากนั้น ทำด้วย "หวด" หรือภาชนะที่ใช้นึ่งข้าวเหนียว ซึ่งเป็นส่วนด้านบนดูคล้ายหมวก ส่วนหน้านั้นทำจากโคนก้านมะพร้าว นำมาตัดปาดให้เป็นรูปหน้ากากและเจาะช่องตา จมูกนั้นทำจากไม้เนื้ออ่อน แกะให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ ตามแต่จินตนาการของผู้สร้างสรรค์ โดยทำเป็นลักษณะยาวแหลมคล้ายงวงช้าง ส่วนเขานั้นทำจากปลีมะพร้าวแห้ง โดยนำส่วนประกอบต่าง ๆ มาเย็บติดเข้าไว้ด้วยกัน และทาสีสันวาดลวดลายไปบนด้านหน้าของหน้ากากนั้น ๆ หลังจากนั้นจะเย็บเศษผ้าติดไว้บริเวณด้านบน(หลัง) เพื่อให้คลุมส่วนคอของผู้ใส่ไปจนถึงไหล่
ด้านเสื้อผ้าหรือเครื่องแต่งกาย นั้น เป็นชุดที่ทำจากเศษผ้านำมาเย็บติดกัน และมี "หมากกะแหล่ง" หรือกระดิ่ง (คล้ายกับที่แขวนคอโค, กระบือ) แขวนผูกไว้บริเวณเอว เพื่อให้เกิดเสียงดังเป็นจังหวะเวลาเดิน และส่ายสะโพก
ส่วนประกอบสุดท้าย คือ ดาบหรือง้าว ที่จะทำจากไม้เนื้ออ่อน ในขบวนแห่จะประกอบไปด้วยการร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนาน
วิดีโอผีตาโขน
วิดีโอผีตาโขน
จุดประสงค์การแสดงผีโขน
- เพื่อระลึกถึงคุณงามความดี การบำเพ็ญกุศลของพระเวสสันดรชาดกในอดีตกาล เพื่อเป็นข้อเตือนใจว่า การเป็นคนดีมีคุณธรรมมีน้ำใจเกื้อกูลต่อผู้อื่น เสียสละ บริจาค ให้อภัยซึ่งกันและกัน แม้กรณีทั้งภูตผีปีศาจ ก็ยังแซ่ซ้องสรรเสริญ เข้าร่วมขบวนแห่อัญเชิญพระเวสสันดรเข้าเมืองด้วย
- เพื่อเป็นการบอกบุญ พุทธศาสนิกชน ผู้ที่เลื่อมใสในพุทธศาสนา ได้มีโอกาสเข้าร่วมทำบุญบริจาคทานก่อนถึงวันงานประเพณีบุญมหาชาติ โดยใช้ผีโขน แห่ไปตามหมู่บ้านต่างๆ
- ผีโขน เป็นส่วนหนึ่งของงานบุญมหาชาติที่สำคัญ ซึ่งทำให้งานเกิดความครึกครื้น สนุกสนาน
- เพื่อเป็นการพบปะสังสรรค์ ในหมู่ญาติมิตร เพื่อนฝูงในรอบหนึ่งปี ซึ่งถือได้ว่าเป็นวันกลับคืนสู่มาตุภูมิของคนในหมู่บ้าน เพื่อร่วมพิธีในการแสดงผีโขน
- ก่อนที่ผีโขนจะนำขบวนเพื่อไปบอกบุญตามหมู่บ้านต่างๆ จะต้องคาระวะต่อศาลเจ้าปู่เมืองหาญ ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพบูชา ของคนในหมู่บ้านไฮหย่อง
- การร่วมพิธีของผีโขนจะมีห้วหน้าผีเป็นผู้ควบคุมโดยใช้เชือก ล้อมผีโขนไว้เพื่อไม่ให้แตกกลุ่มไปรบกวนชาวบ้านที่ร่วมขบวนแห่
- ในขณะที่เคลื่อนขบวนแห่ จะมีหัวหน้าผีเป็นผู้ร้องนำ ซึ่งเรียกว่า "การเซิ้งผีโขน" และผีโขนจะร้องตามหัวหน้าทีละวรรค เนื้อหาคำเซิ้งจะมีลักษณะเป็นกาพย์ เป็นเนื้อหาที่เกี่ยวกับนิทานสอนใจ คติเตือนใจ เป็นอุทาหรณ์ให้แก่ผู้ฟัง
- การเซิ้งผีโขน จะมีเครื่องดนตรีประกอบการเซิ้ง ได้แก่ กลองตุ้ม ฉิ่ง ฉาบ หมากจันทร์
อ้างอิง : http://tour-in-loei.blogspot.com/